แจกสูตรหมักผม Glass Hair เทรนด์ผมกระจก ตามพี่สาวจีน

ใครอยากผมเงาวาวเหมือนเคลือบแก้วต้องทำความรู้จัก เทรนด์ผมกระจกจากพี่สาวจีนอย่าง Glass Hair ซึ่งในบทความนี้เราจะมาแจกสูตรหมักผม Glass Hair ให้ดูสุขภาพดี ทำตามได้ไม่ยากเลยค่ะ ไปดูกันว่าพี่สาวยจีนเขามีขั้นตอนอย่างไรบ้าง ทำไมผมถึงได้ดูสุขภาพดี ไม่แห้งแตกปลาย และที่สำคัญทำยังไงถึงได้ดูเงาวับเหมือนกระจก อย่ารอช้าตามไปดูกันเลยค่า

Glass Hair คืออะไร?

สำหรับความหมายของคำว่า Glass Hair นั่นคือการมีลักษณะเดียวกันกับงานผิวที่เราเรียกกันว่า Glass Skin นี่แหละค่ะ คือ การทำให้เส้นผมที่มีความเงางาม ดูสุขภาพดี เป็นเส้นผมที่มีน้ำหนัก โดยผมแบบนี้ นอกจากจะเน้นเรื่องความเงามงามแล้วยังนิยมตัดผมให้ดูเนี้ยบดูคมชัด รวมไปถึงหากมีการทำลอนผมก็ต้องเป็นลอนที่มีความคมชัด และสะท้อนแสงได้ดีนั่นเองค่ะ

ดังนั้นการที่จะมีผมแบบ Glass Hair ได้จึงต้องมีการบำรุงอยู่เป็นประจำ ซึ่งมักจะมีการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์เคลือบเส้นผมที่ช่วยขับความเงางาม และสร้างความมันวาวให้กับเส้นผม เพื่อให้เส้นผมสามารถสะท้อนล้อกับแสงได้ดี ไม่ว่าจะเป็นแสงสว่างจากธรรมชาติ หรือแสงไฟ เป็นต้น

สูตรหมักผม Glass Hair เทรนด์ผมกระจกมาแรงในตอนนี้

1. มาเริ่มขั้นตอนแรกอย่างตัดผมก่อนเลยค่ะ โดยเพื่อน ๆ จะต้องเน้น การตัดผมให้ดูคมชัดและเป็นทรงชัดเจน ส่วนคนไหนที่ชอบตัดผมสั้น หรือผมแนว Bob หรือ Lob ก็จะต้องตัดออกมาให้เป็นแนว Blunt ที่มีจุดเด่นคือ ปลายผมจะต้องตัดให้เรียบคม เน้นให้มีความยาวที่สม่ำเสมอกัน
2. อีกหนึ่งจุดเด่นของสูตรนี้ คือ ผมที่มักจะตรงสวยเป๊ะนั่นเองค่ะ ดังนั้นแนะนำว่าควรให้ความสำคัญกับการดูแลหนังศีรษะและเส้นผมให้แข็งแรง สุขภาพดีอยู่เสมอ เพื่อให้เส้นผมมีน้ำหนัก และทิ้งตัวลงมาอย่างสวยงาม
3. เมื่อสักครู่เราพูดถึงเพื่อน ๆ ที่ชอบตัดผมสั้นกันไปแล้ว สำหรับข้อนี้ขอมาพูดถึงเพื่อน ๆ ที่ชื่นชอบการทำผมดัดลอนกันบ้าง สำหรับคนที่ชอบดัดผมลอนแต่อยากขอเข้าแก๊ง Glass Hair ด้วย แนะนำให้ดัดผมลอนที่เป็นโค้งสวยชัดเจน ไม่ยุ่ง ไม่ฟู เรียบเป็นคลื่นสวยเท่าๆกัน และเพื่อความเป๊ะของทรงผม ทางเราขอแนะนำให้ใช้เซรั่มทาเคลือบผม เพื่อให้ผมดู Shine ส่องสะท้อนล้อแสงมากขึ้น
4. นอกจากนี้ยังควรเลือกบำรุงผมด้วยตัวช่วยเคลือบผมอย่าง ผลิตภัณฑ์แว็กซ์ผมเงา หรือ การทำเคราตินทรีตเมนต์ ซึ่งสามารถหาซื้อได้โดยทั่วไป และในปัจจุบันนี้ก็มีครีมนวดผมหลาย ๆ แบรนด์ที่สามารถช่วยให้ผมดูแวววาวเหมือนเคลือบแก้วได้ด้วยเหมือนกันค่ะ รวมถึงหากใครที่ต้องการไปทำผมเงาวาวที่ร้านก็สามารถเข้าไปปรึกษาและทำที่ร้านซาลอนได้เช่นกัน

สูตรหมักผมที่ 1 เบบี้ออยล์+เคราติน

มาเริ่มกันที่สูตรแรกกับ เบบี้ออยล์+เคราติน โดยเริ่มต้นให้ตักเคราตินประมาณ 2 ช้อน ใส่เบบี้ออยล์ หรือน้ำมันมะพร้าวประมาณ 1 ช้อน ผสมให้เข้ากัน โลมที่ปลายผมตอนผมแห้ง หรือผมหมาดๆ ก็ได้ หมักทิ้งไว้ 30 นาทีแล้วสระผมตามปกติได้เลย โดยตัวเคราตินและเบบี้ออยล์จะช่วยทำให้ผมดูเงางาม เรียงเส้นสวยงาม และลดการชี้ฟูดูสุขภาพดีอีกด้วย

สูตรหมักผม Glass Hair ที่ 2 เบบี้ออยล์ + น้ำมันมะพร้าว

สำหรับสูตรนี้จะคล้าย ๆ กับสูตรแรก เพียงแต่เปลี่ยนส่วนผสมอีกเล็กน้อย โดยจะใช่ทรีตเมนต์ ผสมกับน้ำมันมะพร้าว ส่วนวิธีใช้ก็จะคล้ายกับสูตรด้านบน คือตักทรีตเมนต์ประมาณ 2 ช้อน แล้วใส่น้ำมันมะพร้าวประมาณ 1 ช้อน ผสมให้เข้ากัน โลมที่ปลายผมตอนผมแห้ง หรือผมหมาดๆ ก็ได้ หมักทิ้งไว้ 30 นาทีแล้วสระผมตามปกติได้เลย ซึ่งสูตรนี้ก็จะช่วยบำรุงให้ผมมีน้ำหนักและเงางาม รวมถึงยังได้รับสารอาหารและแร่ธาตุดี ๆ จากน้ำมันมะพร้าวมาบำรุงผมอีกด้วยค่ะ

สูตรหมักผมที่ 3 น้ำมันมะกอก + น้ำผึ้ง + ไข่ไก่

สำหรับสูตรนี้ตัววัตถุดิบก็สามารถหาได้ง่าย ๆ ในบ้านเหมือนกันค่ะ เพียงแค่ใช้น้ำมันมะกอกสกัดเย็น 5 ช้อนโต๊ะ น้ำผึ้ง 2 ช้อนโต๊ะ และไข่ไก่ 2 ฟอง ผสมเป็นเนื้อเดียวกัน แล้วหมักผมประมาณ 15 นาที แล้วหาผ้าขนหนูอบร้อน หรือหมวกมาคลุมผมไว้ แล้วเมื่อครบเวลาแล้ว แนะนำให้ใช้นำน้ำมันมะกอกผสมกับน้ำผึ้ง แล้วหมักต่ออีก 15 นาที สูตรนี้จะช่วยให้ผมดูเงางาม และดูมีน้ำหนักมากยิ่งขึ้น

สูตรหมักผมให้มีน้ำหนัก ที่ 4 เบียร์ + ไข่แดง

มาต่อกันที่สูตรที่ 4 สำหรับสูตรนี้ก็ใช้วัตถุดิบค่อนข้างน้อยมากเลยค่ะ โดยจะใช้เบียร์ 1 ถ้วยตวง ผสมกับไข่แดง แล้วนำมาหมักผมไว้ประมาณ 15-20 นาที แนะนำให้ทำเพียงสัปดาห์ละ 2 ครั้งเท่านั้น เพราะจะช่วยให้ผมดูสุขภาพดี เงางาม และดูมีน้ำหนักมากขึ้น

สูตรหมักผม Glass Hair ที่ 5 น้ำมันมะพร้าว + อโวคาโด้ + น้ำผึ้ง + ไข่ไก่

สำหรับสูตรสุดท้ายนี้จะมีส่วนผสมคือ ​​อะโวคาโด 1 ลูก ไข่ไก่ 2 ฟอง น้ำผึ้ง 1 ช้อนโต๊ะ น้ำมันมะพร้าว 1 ช้อนโต๊ะ วิธีทำก็ให้บดอะโวคาโดสุกให้เป็นเนื้อครีมละเอียดผสม ไข่ไก่ น้ำผึ้ง และน้ำมันมะพร้าวเข้ากับอะโวคาโดบด คนจนเข้าเป็นเนื้อเดียวกัน ทาส่วนผสมลงบนเส้นผม จากโคนสู่ปลายผม ทิ้งไว้ประมาณ 15-20 นาที แล้วล้างออกด้วยน้ำอุ่น

สามารถติดตาม บทความ ใหม่ๆ ได้ที่เว็บไซต์ beautyismind