ช็อกโกแลตซีสต์ คือ โรคใกล้ตัวที่จะส่งผลกระทบต่อผู้หญิงอย่างเราโดยตรงเลยค่ะ ถือว่าเป็นภัยเงียบตัวร้ายที่สามารถเป็นซ้ำได้ด้วยนะ ซึ่งอาการที่บ่งบอกว่าเป็น Chocolate Cyst นั้นคล้ายกับอาการปวดท้องประจำเดือน จึงสาว ๆ หลายคนนั้นมองข้ามไป แต่ว่าไม่ต้องกังวลไปค่ะ เพราะว่าวันนี้จะพาสาว ๆ ไปทำความรู้จักเกี่ยวกับโรคนี้ให้มากยิ่งขึ้นกัน ทุกคนจะได้รู้ว่า ช็อกโกแลตซีสต์ คืออะไร? มีอาการเป็นอย่างไร? แล้วอาการแตกต่างจากการปวดประจำเดือนอย่างไร? และมีวิธีรักษาอย่างไรบ้าง? เพื่อที่เราจะได้เตรียมตัวรับมือ และดูแลสุขภาพของเราได้ทันเวลา
ทำความรู้จัก ช็อกโกแลตซีสต์ คืออะไร?
Chocolate Cyst หรือโรคเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ คือการที่เลือดประจำเดือนไหลย้อนกลับ แทนที่เลือดจะไหลออกมาทางช่องคลอดตามปกติ แต่กลับมีประจำเดือนส่วนหนึ่งไหลย้อนไปทางหลอดมดลูกเข้าไปในช่องท้อง จึงไปฝังตัวที่รังไข่ ทำให้เกิดเป็นถุงน้ำมีเลือดคั่ง จนไปเจริญเติบโตในอวัยวะต่าง ๆ เช่น อุ้งเชิงกราน ท่อรังไข่ ลำไส้ช่องคลอด มดลูก กระเพาะปัสสาวะ สาว ๆ
ลองคิดภาพตามดูสิคะว่า ถ้าหากเราเติมน้ำใส่ลูกโป่งเข้าไปทีละนิด เติมไปเรื่อย ๆ น้ำในลูกโป่งก็จะมีปริมาณมากขึ้น เมื่อน้ำอยู่ในนั้นนาน ๆ ก็จะเกิดความเปลี่ยนแปลงขึ้นได้ เหมือนกับร่างกายของเรานั่นแหละค่ะ หากมีเลือดตกค้างอยู่ในถุงน้ำนาน ๆ จะกลายเป็นสีน้ำตาล ที่มีลักษณะเหมือนช็อกโกแลต จึงถูกเรียกว่า ถุงน้ำช็อกโกแลต หรือ Chocolate Cyst นั่นเองค่ะ
9 อาการที่เสี่ยงเป็นช็อกโกแลตซีสต์
- ปวดท้องมากผิดปกติเวลามีประจำเดือน และปวดมากขึ้นๆ ทุกเดือน โดยอาจจะปวดทั้งด้านหน้าและด้านหลัง ตั้งแต่สะดือไปถึงอุ้งเชิงกรานและตั้งแต่บั้นเอวไปถึงก้นกบ รวมถึงการปวดท้องน้อยเวลามีเพศสัมพันธ์
- ประจำเดือนมามากผิดปกติ หรือนานกว่า 7 วันขึ้นไป และการมีเลือดออกทางช่องคลอดอย่างผิดปกติ
- ประจำเดือนมาถี่ หรือทิ้งระยะห่างระหว่างที่เป็นประจำเดือนแต่ละรอบสั้นกว่าปกติ คือมีมากกว่าเดือนละ 2 ครั้ง เป็นต้น
- ปัสสาวะบ่อยขึ้นกว่าปกติ อาจเป็นเพราะก้อนซีสต์มีขนาดใหญ่ และไปเบียดกระเพาะปัสสาวะจนทำให้เกิดการทำงานที่ผิดปกติ
- ถ่ายอุจจาระเป็นเลือด ปัสสาวะเป็นเลือดในช่วงมีประจำเดือน
- ถ้าเป็นคนผอมแต่มีพุง ให้ตั้งข้อสงสัยว่าอาจมีถุงน้ำขนาดใหญ่เกิดขึ้นภายในท้อง
- ปวดไมเกรนบ่อยๆ โดยเฉพาะช่วงก่อน และระหว่างมีประจำเดือน
- บางรายอาจไม่มีอาการใดๆ แสดงออกมาเลย แต่คลำพบก้อนแข็งบริเวณท้องน้อยซึ่งอาจจะอยู่ตรงกลางหรือด้านข้างเนื่องจากถุงน้ำโตขึ้นจนมีขนาดใหญ่และอยู่ในระยะที่เป็นอันตราย
- บางรายตรวจพบว่าโรคนี้เป็นสาเหตุของการมีบุตรยากเนื่องจากท่อนำไข่ตีบตัน ทำให้ไข่ไม่สามารถเดินทางได้สะดวก ซึ่งก็เป็นอีกหนึ่งผลพวงที่มีสาเหตุมาจากช็อกโกแลตซีสต์ เพราะเมื่อเยื่อบุนี้ไปเกาะอยู่บนรังไข่ ทำให้รังไข่มีพื้นในการผลิตไข่ และสร้างฮอร์โมนน้อยลง เพราะถูกแทนที่ด้วย Chocolate Cyst ไข่ที่ผลิตได้ก็ด้อยคุณภาพ และยังทำให้ท่อรังไข่คดงอ ไข่กับอสุจิที่ผสมกันแล้วจึงผ่านมาฝังตัวได้อย่างไม่สมบูรณ์นั่นเอง
ข้อสังเกตของโรคช็อกโกแลตซีสต์
หากสาว ๆ ไม่เคยปวดท้องประจำเดือนมาก ๆ แล้วจู่ ๆ ก็มีอาการปวดท้องมากขึ้นเรื่อย ๆ และมีอาการปวดมากขึ้นทุกเดือนจนถึงขั้นทนไม่ไหว นั่นอาจเป็นเพราะ ช็อกโกแลตซีสต์กำลังก่อตัวขึ้นในร่างกายของเรานั่นเอง ทางที่ดีหากมีอาการเหมือนที่ว่ามาควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจร่างกายโดยด่วน หากเป็นจริงจะได้รักษาทันเวลา
เป็นแล้วรักษาได้อย่างไร?
ในกรณีที่พบว่าเป็นช็อกโกแลตซีสต์เร็วก็จะสามารถเลือกแนวทางการรักษาได้เร็วค่ะ หากพบว่าไม่รุนแรง แพทย์จะติดตามอาการเป็นระยะและให้ยาในการรักษา แต่ในกรณีที่ใช้ยาไม่ได้ผลก็จะมีแนวทางการรักษาอื่นค่ะ ได้แก่
- การผ่าตัด เป็นวิธีมาตรฐานในการผ่าตัด ซึ่งการผ่าตัดผ่านกล้องนี้เป็นวิธีที่ทันสมัย เป็นรูปแบบหนึ่งของการผ่าตัดแบบ Minimally Invasive Surgery หรือ MIS อันเป็นเทคนิคในการผ่าตัดที่มีประสิทธิภาพสูง ผู้เข้ารับการผ่าตัดจะมีแผลเล็ก เจ็บน้อย และฟื้นตัวเร็ว
- ฉีดฮอร์โมนหรือกินฮอร์โมนเพื่อไม่ให้มีประจำเดือน แนวทางการรักษานี้ส่งผลให้ Chocolate Cyst ฝ่อนั่นเอง อาการปวดน้อยลง แต่พังผืดจะไม่หายไป ต้องฉีดฮอร์โมนหรือกินฮอร์โมนเพื่อไม่ให้มีประจำเดือนเป็นประจำ
ช็อกโกแล็ตซีสต์ มีลูกได้ไหม ?
ช็อกโกแล็ตซีสต์ เป็นโรคที่สามารถพบได้ในผู้หญิงทุกวัย และผู้หญิงในวัยเจริญพันธุ์ส่วนใหญ่ค่อนข้างเป็นกังวลกันเยอะมากเกี่ยวกับผลข้างเคียงที่อาจจะทำให้มีลูกยาก หรือถ้าโชคร้ายอาจถึงขั้นไม่สามารถมีลูกได้เลย เพราะเกิดจากภาวะผิดปกติทางร่างกายที่เกิดจากถุงน้ำในรังไข่ ซึ่งมักมีอาการที่พบได้บ่อย ดังนี้
- มีอาการปวดท้องประจำเดือนมากกว่าปกติ หรือ มีอาการปวดท้องน้อยเรื้อรัง
- มีภาวะลำไส้แปรปรวน เช่น อาการท้องอืด ท้องเสีย
- ปัสสาวะบ่อย บางรายอาจมีอาการปัสสาวะเป็นเลือด
- มีอาการปวดหลัง บางทีก็ปวดร้าวลงไปถึงบริเวณขา
และผู้ที่มีภาวะ Chocolate Cyst จริงๆแล้วสามารถมีลูกได้นะคะ เพียงแต่อาจจะมีลูกยากมากกว่าปกติ เนื่องจากเป็นโรคที่เยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ทำให้การทำงานของรังไข่ผิดปกติ จึงทำให้คนไข้มีลูกได้ยากขึ้น สำหรับผู้ที่ต้องการมีบุตร ควรเข้ารับคำปรึกษาจากแพทย์เพื่อวินิจฉัยและวางแผนการรักษาต่อไป
ช็อกโกแลตซีสต์ จำเป็นต้องรักษาหรือไม่ และรักษาอย่างไร?
ในรายที่ไม่มีอาการ หรือมีอาการไม่รุนแรงมากนัก แพทย์อาจให้สังเกตอาการร่วมกับการใช้ยากลุ่มฮอร์โมนในการรักษาและตรวจติดตามอาการเป็นระยะ แต่ในกรณีที่ให้ยาแล้วยังไม่ได้ผล แพทย์อาจพิจารณาใช้วิธีการผ่าตัดผ่านกล้อง ซึ่งวิธีนี้แผลผ่าตัดจะมีขนาดเล็ก เจ็บน้อย ฟื้นตัวเร็ว ลดภาวะแทรกซ้อนต่าง ๆ หลังผ่าตัด และยังให้ผลการรักษาได้ดีเทียบเท่ากับการรักษาแบบมาตรฐานอีกด้วย
บทสรุปส่งท้าย
ช็อกโกแลตซีสต์ คือ โรคที่สามารถเกิดขึ้นซ้ำได้อีก แม้ว่าจะทำการการผ่าตัด หรือรักษาด้วยยา อาจจะทำให้อาการปวดดีขึ้นก็ตาม แต่ทั้งนี้โรคนี้อาจเกิดเป็นซ้ำได้อีก โดยเฉพาะในบุคคลที่มีอาการรุนแรงควรทำตามคำสั่งแพทย์อย่างสม่ำเสมอ และเมื่อผู้หญิงถึงวัยทองโรคนี้ก็จะหายไปเองได้ค่ะ เพราะไม่มีฮอร์โมนจากรังไข่อย่าง ฮอร์โมนเอสโตรเจน (Estrogen) นั่นจึงทำให้ตุ่มต่าง ๆ ที่ฝังตัวอยู่นั้นฝ่อลงไปเอง และไม่มีโอกาสเป็นช็อกโกแลตซีสต์อีกต่อไป สำหรับใครที่กำลังมองหาเทรนด์ความงามอย่าลืมติดตาม บทความ ใหม่ๆ ได้ที่เว็บไซต์ beautyismind ด้วยน๊าา
- 10 Toner Pad โทนเนอร์แบบแผ่น ยี่ห้อไหนดี เช็ดง่าย ช่วยบำรุงผิว - September 30, 2024
- มัดรวม 7 คุชชั่นแบรนด์ไทย งานผิวสวย คุณภาพดีในงบแค่หลักร้อย - September 19, 2024
- มัดรวม 8 แป้งนางฟ้า แป้งโปร่งแสง 2024 หน้าเนียน คุมมัน เมคอัพไม่ดรอปทั้งวัน - September 2, 2024